บริษัทชูเกียรติเอสเตท จำกัด/บริษัทชูเกียรติมอเตอร์ (1996) จำกัด ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและเคารพในสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้รับจะถูกนำไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์และเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้ขึ้นเพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิต่างๆ ของท่านตามกฎหมาย
1. นโยบายฉบับนี้ใช้กับใครบ้างและช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1.1 นโยบายฉบับนี้ใช้กับบุคคลต่างๆดังนี้โดยแยกประเภทดังนี้
ประเภทบุคคลที่อยู่ภาคใต้นโยบาย |
รายละเอียดและตัวอย่าง |
1. ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท (“ลูกค้าบุคคลธรรมดา”) | ลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท เช่น
|
2. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท (“บุคลากรของนิติบุคคล”) | บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น
|
3. บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท | บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท เช่น
|
4. บุคคลธรรมดาทั่วไป | บุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น
|
1.2 ช่องทางในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
(2) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท บริษัทหรือสถาบันการเงินอื่น ผู้ให้บริการทางการเงินและผู้ให้บริการอื่น ๆ ของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ให้บริการของพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัทที่ร่วมออกผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการกับบริษัท บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้ให้บริการข้อมูล ลูกค้าของบริษัท บุคคลหรือนิติบุคคลที่มาทำธุรกรรมกับบริษัท(ในฐานะที่ท่านเป็นบุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมดังกล่าวตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น) นายทะเบียน สื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลภายนอก แหล่งข้อมูลสาธารณะ (เช่น ราชกิจจานุเบกษา) ผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วย เป็นต้น
2. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผย
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ดังนี้
ประเภทของข้อมูล | ตัวอย่างข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผย |
ข้อมูลส่วนตัว | – คำนำหน้าชื่อ ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล นามแฝง (หากมี) – เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ – สถานภาพทางการสมรส สถานภาพครอบครัว จำนวนสมาชิกในครอบครัวและจำนวนบุตร – ข้อมูลความสัมพันธ์ (เช่น ระหว่างผู้กู้หลักและ ผู้ค้ำ) – สัญชาติ ประเทศที่พำนัก – ลายมือชื่อ – ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่า สำเนาใบต่างด้าว สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสูติบัตร สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ สำเนาทะเบียนสมรส สำเนาใบสำคัญหย่า สำเนาใบมรณบัตร สำเนาใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน) เป็นต้น |
ข้อมูลเพื่อการติดต่อ | – ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน – โทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ อีเมล – ชื่อหรือบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ (เช่น ไอดีไลน์ (LINE ID)) |
ข้อมูลการศึกษาและการทำงาน | – ข้อมูลบนสำเนาบัตรนักศึกษา ระดับการศึกษาสูงสุด – อาชีพและสาขาอาชีพ – ตำแหน่ง อายุงานปัจจุบัน – รายละเอียดงาน ประเภทธุรกิจ |
ข้อมูลความเป็นเจ้าของกิจการ | – สัดส่วนการถือหุ้น และ / หรือ ข้อมูลบนเอกสารอื่นใดเพื่อยืนยันการประกอบธุรกิจ (เช่น สัญญาเช่าสถานประกอบกิจการ) |
ข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรม | – เลขที่บัญชีเงินฝาก จำนวนเงินฝาก ดอกเบี้ย – ข้อมูลรายได้ แหล่งที่มาของรายได้และรายจ่าย – ข้อมูลบนหนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือน / โบนัส หรือหลักฐานแสดงรายได้อื่น ๆ เอกสารการเดินบัญชีของบริษัทอื่น ราคาประเมินทรัพย์สิน – เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรและข้อมูลการเสียภาษีของบุคคล – ข้อมูลการสมัครใช้ช่องทาง ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ – ประเภทบัญชี ระยะเวลาการฝาก เงื่อนไขการสั่งจ่าย ประเภทบัตร รายการเดินบัญชี – ข้อมูลการกู้ยืมเงิน ยอดหนี้ ข้อมูลหลักประกันและเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของหลักประกัน รายละเอียดและประวัติการชำระเงิน – ประวัติการทำธุรกรรม รายละเอียดธุรกรรมและวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรม ข้อมูลในบันทึกช่วยจำการทำธุรกรรม หมายเลขอ้างอิงการทำธุรกรรม ช่องทางการทำธุรกรรม – บัญชีชื่อผู้ใช้งานแอปพลิเคชันและรหัสผ่าน – ข้อมูลการเอาประกันภัย (เช่น เอกสารคำขอเอาประกันภัย ประเภทการเอาประกันภัย คำขอเอาประกันภัย รายละเอียดข้อมูลกรมธรรม์ประกันภัย วันที่เริ่มและวันที่สิ้นสุดการคุ้มครอง รายละเอียดทรัพย์สินที่เอาประกันภัย เบี้ยประกันภัย ทุนประกันภัย และรายละเอียดการใช้สิทธิเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัย) – ข้อมูลอื่น ๆ ประกอบการใช้ผลิตภัณฑ์ / บริการ (เช่น วงเงินสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย ข้อมูลประกอบการขอสินเชื่อ ข้อมูลทางการค้า คำสั่งซื้อสินค้า สัญญาจะซื้อจะขาย และ / หรือสัญญาอื่น ๆ รายละเอียดการค้ำประกัน) |
ข้อมูลทางเทคนิค อุปกรณ์หรือเครื่องมือ | – ข้อมูลการใช้งานแอปพลิเคชัน – หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address หรือ Mac address) – คุกกี้ (Cookies ID) – Software – รหัสประจำอุปกรณ์ (Device ID) – รุ่นและประเภทของอุปกรณ์ เครือข่าย ข้อมูลการเชื่อมต่อ – ล็อก (Log) – ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ (Log – in) ระยะเวลาที่เข้าถึง การใช้งานและระยะเวลาการใช้งานแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ประวัติการค้นหา ข้อมูลการเรียกดู – ค่าเขตเวลา (Time zone) และสถานที่ตั้ง (Location Data) – ประเภทและเวอร์ชั่นของปลั๊กอินเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ท่านใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม – ข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ จากการใช้งานบนแพลตฟอร์มและระบบปฏิบัติการ |
ข้อมูลอื่นๆ | – บันทึกการสื่อสารหรือการโต้ตอบระหว่างท่านกับบริษัท รายละเอียดเรื่องร้องเรียนหรือการออกความเห็น คำขอใช้สิทธิต่าง ๆ ผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น บันทึกเสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิปบันทึกเสียง บันทึกการสื่อสาร Line Chat ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ข้อมูลบนคำสั่งศาล / ราชกิจจานุเบกษาที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมของลูกค้าหรือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท (เช่น คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ คำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดก คำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ คำสั่งเรียกพยานเอกสารหรือพยานวัตถุ) และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล – ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท |
2.1.2 บุคลากรของนิติบุคคล คือ บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท หรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท
ประเภทของข้อมูล | ตัวอย่างข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผย |
ข้อมูลส่วนตัว | – คำนำหน้าชื่อ ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล นามแฝง (หากมี) – เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ – สถานภาพทางการสมรส ลายมือชื่อ – ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน) และอื่นๆเป็นต้น |
ข้อมูลเพื่อการติดต่อ | – ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน – หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล |
ข้อมูลการทำงาน | – อาชีพและสาขาอาชีพ – ตำแหน่ง อายุงานปัจจุบัน – รายละเอียดงาน ประเภทธุรกิจ |
ข้อมูลที่ปรากฏในเอกสารประกอบการทำธุรกรรม | – หนังสือรับรองบริษัท – บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น – หนังสือมอบอำนาจ – หนังสือจดทะเบียนพาณิชย์ |
ข้อมูลอื่นๆ | – ข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยโดยเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับบริษัท เช่น ข้อมูลที่นิติบุคคลให้แก่บริษัทในสัญญา รายละเอียดเรื่องร้องเรียนหรือการออกความเห็น ผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น ข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท |
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Personal Data)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ โดยบริษัทไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่าน
หากแต่ในบางกรณี บริษัทอาจจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่านเพื่อประกอบการให้บริการหรือผลิตภัณฑ์แก่ท่าน เช่น ศาสนาตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือเชื้อชาติ ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) (เช่น ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ ข้อมูลลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใช้เทคโนโลยีที่นำลักษณะเด่นทางพฤติกรรมของการลงลายมือชื่อดังกล่าวมาใช้สำหรับการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลที่เป็นผู้ลงลายมือชื่อนั้น) ข้อมูลประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความพิการ พฤติกรรมทางเพศ เป็นต้น ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยจะดำเนินการเป็นคราวๆ ไปเมื่อต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่าน
(ต่อไปในนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนข้างต้น รวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”)
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เว้นแต่บริษัทจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือการใดๆ ซึ่งผู้เยาว์อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และ / หรือดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ หากบริษัททราบว่าบริษัทได้เก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ โดยปราศจากความยินยอมของผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้อนุบาล ผู้พิทักษ์ หรือผู้เยาว์ที่อาจให้ความยินยอมโดยลำพังได้ตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) และไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นได้ บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
2.4 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด
หากท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอื่นใด ซึ่งเป็นบุคลากรของนิติบุคคล และ / หรือ ที่เกี่ยวข้องกับท่านแก่บริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน บุคคลในครอบครัว บุคคลอ้างอิง คู่ค้า ผู้ค้ำประกัน ผู้จำนอง ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ ผู้จัดการมรดก ผู้ติดต่อฉุกเฉิน และ / หรือ บุคคลอื่นใดตามเอกสารการทำธุรกรรมของท่าน เป็นต้น ขอให้ท่านโปรดแจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบเกี่ยวกับรายละเอียดตามนโยบายฉบับนี้ และขอความยินยอมจากบุคคลเหล่านั้นหากจำเป็น หรือกำหนดฐานทางกฎหมายอื่นเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทสามารถเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามเหล่านี้ได้
3.บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อดำเนินการตามความยินยอมของท่าน และ / หรือ เพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ มีดังนี้
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์บางประเภทดังต่อไปนี้อาจใช้บังคับกับบางท่านและอาจไม่ใช้บังคับกับบางท่าน โปรดพิจารณาลักษณะวัตถุประสงค์ตามความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทเป็นรายกรณีไป
3.1 วัตถุประสงค์ที่อาศัยความยินยอม
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานความยินยอม สำหรับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
3.1.1 การเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่บริษัทไม่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากการขอความยินยอมโดยชัดแจ้งได้ วัตถุประสงค์ดังกล่าว ได้แก่
(1) ข้อมูลศาสนา และเชื้อชาติ (ข้อมูลดังกล่าวได้มาจากการเก็บสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน บริษัทจำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลเท่านั้น)
(2) ข้อมูลชีวภาพ เพื่อการลงลายมือชื่อ การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล
(3) ข้อมูลประวัติสุขภาพ ข้อมูลความพิการ ประวัติอาชญากรรม พฤติกรรมทางเพศ ซึ่งจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว เฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อการใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการบางประเภทของบริษัทเท่านั้น และสำหรับประวัติอาชญากรรมเพื่อการตรวจสอบและการดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
3.1.2 การวิเคราะห์ วิจัย และ / หรือ จัดทำข้อมูลทางสถิติ รวมถึง เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ ของบริษัท บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และ / หรือนิติบุคคลอื่น ที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย
3.1.3 การดำเนินการทางการตลาด การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรมที่บริษัทหรือ บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และ / หรือนิติบุคคลอื่นจัดขึ้น รวมถึงข่าวสาร คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และโปรโมชั่นที่คัดสรรอย่างเหมาะสม และการออกกลยุทธ์ทางการตลาดที่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย
ทั้งนี้ บริษัทอาจขอความยินยอมโดยตรงจากท่านหรือผ่านบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และ / หรือ นิติบุคคลอื่น เป็นคราวๆ ไป
3.2 วัตถุประสงค์ที่อาศัยฐานทางกฎหมายอื่น นอกเหนือจากความยินยอม
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นๆ เท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เช่น เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาหรือตามที่ท่านร้องขอ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย และ / หรือ เพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่นๆ สำหรับวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
3.2.1 การดำเนินการก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัท เช่น การให้คำปรึกษา คำแนะนำ และ / หรือ ข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ การวิเคราะห์และประเมินความต้องการของลูกค้า การตรวจสอบคุณสมบัติ การตรวจสอบสถานะของลูกค้านิติบุคคล การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหรือเอกสาร การพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคล รวมถึงกระบวนการทำความรู้จักลูกค้า และตรวจสอบสถานะลูกค้าการประเมินรายได้หรือทรัพย์สิน การตรวจสอบข้อมูลเครดิต และ / หรือ การขอแก้ไขข้อมูลเครดิต การตรวจสอบกับรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐและ / หรือหน่วยงานทางการซึ่งเปิดเผยเป็นการทั่วไปตามที่กฎหมายกำหนด การตรวจสอบการถูกพิทักษ์ทรัพย์หรือความเป็นบุคคลล้มละลาย การจัดระดับความเสี่ยงลูกค้า ข้อมูลเพื่อการติดต่อของลูกค้าเพื่อการอำนวยความสะดวกในการสมัครผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัท
3.2.2 การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาให้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือบริการต่างๆ เช่น การติดต่อสื่อสาร การรับส่งเอกสารหรือพัสดุ การประมวลผลคำขอและการดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาอนุมัติคำขอ (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การประเมินทรัพย์สินลูกค้า การตรวจสอบและประเมินราคาทรัพย์สิน การทบทวนราคาทรัพย์สิน) การกำหนดวงเงินสินเชื่อ การเข้าทำสัญญา ข้อตกลง และ / หรือ นิติกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้อง การลงทะเบียนใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ และ / หรือ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท
3.2.3 การส่งมอบผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการต่าง ๆ ตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท เช่น
- การใช้สินเชื่อการทำประกันภัย
- การดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ (เช่น การเปลี่ยนแปลงข้อมูล การrefinance การเพิ่มสัญญา การคืนเงินต้น การรับชำระ การแก้ไขสัญญาขายฝากและอัตราดอกเบี้ยตามที่ตกลง ตรวจสอบยอดเงินในสัญญา การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างวงเงินสินเชื่อกับหลักประกัน การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับหลักประกัน การเอาประกันภัยทรัพย์สิน การจัดเตรียมเอกสารของข้อมูลลูกค้าเพื่อประกอบการทำธุรกรรมของลูกค้า (เช่น การรับรองเอกสาร))
- การตรวจสอบ ยืนยัน และปรับปรุงรายการธุรกรรม รวมถึงกรณีการทำธุรกรรมผ่าน ตู้ ATM เว็บไซต์ และ / หรือ แอปพลิเคชันของบริษัท
- การมอบสิทธิประโยชน์ และการดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิประโยชน์ของลูกค้า
- การจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า การดำเนินธุรกรรมหลังการขาย การอำนวยความสะดวกลูกค้า และ / หรือ การจัดการสินค้าสมนาคุณให้กับลูกค้า
- การให้คำปรึกษาหรือแนวทางการจัดการความเสี่ยง
- การจัดการข้อร้องเรียน แก้ไขปัญหา การดำเนินการตามคำขอลูกค้า
- การรับชำระเงินหรือทรัพย์สินใดๆ
การติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ การยกเลิกการบริการ
3.2.4 การดำเนินการทางการตลาดที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เช่น
- การพิจารณากลุ่มลูกค้าเพื่อการนำส่งคำเชิญเข้าร่วมกิจกรรม หรือการส่งเสริมการขายตามความเหมาะสม
- การนำส่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ สิทธิพิเศษในการเข้าร่วมกิจกรรม งานอีเว้นท์ หรือการประชุมที่บริษัทจัดขึ้น รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเข้าร่วมกิจกรรม (เช่น การลงทะเบียนเข้างาน)
- การนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และ / หรือ สิทธิพิเศษที่ท่านร้องขอ หรือการแจ้งสิทธิประโยชน์ของท่าน
- การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการประเภทเดียวกัน / ใกล้เคียงกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัท หรือบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท
- การติดต่อในกรณีที่ท่านยังสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการไม่สำเร็จ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ท่านในกรณีที่ท่านต้องการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการประเภทเดียวกันกับบริษัทอีกครั้ง หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือบริการอื่นที่น่าจะอยู่ในความสนใจของท่าน
- การจัดกิจกรรมส่งเสริมการ
3.2.5 การวิเคราะห์ วิจัย และ / หรือ จัดทำข้อมูลทางสถิติที่ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากท่านตามกฎหมาย เพื่อใช้ในการพัฒนา ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการภายในบริษัทเอง เช่น
- การวิเคราะห์ วิจัย วิจัยการตลาด จัดทำข้อมูลทางสถิติ การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของท่าน และ / หรือ การจัดทำรายงานสำหรับการใช้ภายในบริษัท
- การวิเคราะห์ จัดทำแบบจำลอง (เช่น การทำ Credit Scoring)
- การศึกษา วิเคราะห์ และติดตามสัดส่วนเครดิตพอร์ตโฟลิโอ
3.2.6 การดำเนินงานอื่น ๆ ของบริษัท เช่น
- การบริหารจัดการ การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบภายในบริษัท
- การรักษาประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย
- การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้า หรือ การเก็บบันทึกข้อมูลลงระบบหรือฐานข้อมูล
- การพิจารณาทบทวนคุณภาพเครดิตลูกค้า
- การแจ้งเตือนชำระหนี้หรือต่ออายุผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการต่าง ๆ
- การติดตามทวงถามหนี้
- การสำรวจและประเมินความพึงพอใจภายหลังใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ
- การดำเนินคดีหรือกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
- การร่วมงาน การประสานงาน และ / หรือ การมอบหมายงานให้ผู้อื่นดำเนินการแทนหรือร่วมกับบริษัท(เช่น เพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบริการ ออกแบบประสบการณ์การให้บริการลูกค้า ออกแบบกระบวนการ หรือการสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ)
- การโอนสิทธิ และ / หรือ หน้าที่ การบริหารกิจการของบริษัทและบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท
- การใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) การควบคุมการเข้า – ออกสถานที่ทำการของบริษัทและสาขา
- การจัดการเรื่องร้องเรียน หรือการจัดการเหตุการณ์กระทำผิดต่อกฎหมาย หรือเหตุการณ์ต้องสงสัย (เช่น การทุจริต การฟอกเงิน การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง การก่ออาชญากรรม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งรวมถึง การวางแผนการจัดการ การตรวจสอบ การเฝ้าระวัง การเก็บหลักฐาน การรายงาน และ / หรือ การดำเนินการตรวจจับ)
- การป้องกันและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการให้สินเชื่อของระบบสถาบันการเงิน
- การทำฐานข้อมูลด้านความเสี่ยงทางธุรกิจต่อบริษัท
- การดำเนินการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบสื่อสาร และการป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและภัยคุกคามทางไซเบอร์
3.2.7 การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย และ / หรือ การปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น
- การปฏิบัติตามคำสั่งศาล คำสั่งของหน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัท เจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำนาจตาม กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายประกันชีวิต กฎหมายประกันวินาศภัย กฎหมายคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย กฎหมายระบบการชำระเงิน กฎหมายควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน กฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝาก กฎหมายภาษีอากร กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กฎหมายการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กฎหมายล้มละลาย และกฎหมายอื่นๆ ที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งที่ใช้บังคับอยู่แล้วในขณะนี้ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต
3.2.8 การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
3.2.9 การจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
3.2.10 การดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือการปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท
ทั้งนี้ หากบริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านสำหรับการเข้าทำหรือการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านได้ทำไว้กับบริษัท และ / หรือ การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท และท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ หรือกรณีที่ท่านเลือกที่จะลบบัญชีผู้ใช้งานของท่านออกจากแอปพลิเคชันที่ให้บริการของบริษัท บริษัทอาจจะไม่สามารถพิจารณาอนุมัติหรือส่งมอบ / จัดหา ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ท่านได้ ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท หรือความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทได้
4.บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือในบางกรณี ท่านอาจอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเหล่านั้นอีกด้วย โดยที่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ
โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ตามแต่ความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมของท่าน ดังต่อไปนี้
ประเภทผู้รับข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียด |
บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท เพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดหรือตามความยินยอมของท่านภายใต้นโยบายฉบับนี้ โดยการนี้ บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัทสามารถยึดถือตามความยินยอมที่บริษัทได้มา บริษัทในเครือลิสซิ่งของเรา ได้แก่ หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช – บจก ชูเกียรติมอเตอร์ (1996) – บจก ชูเกียรติออโต้เทค (1995) – บจก ชูเกียรติเอสเตท กระบี่ – บริษัท ชูเกียรติลิสซิ่ง กระบี่ จำกัด – บริษัท ชูเกียรติ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด สนง ใหญ่ – บริษัท ชูเกียรติ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด สาขาปัตตานี ปัตตานี – บริษัท ชูเกียรติลิสซิ่ง จำกัด สุราษฎร์ธานี -บจก ชูเกียรติทักษิณยนต์ -บจก ชูเกียรติ พร๊อพเพอร์ตี้ สุราษฎร์ธานี |
ผู้ให้บริการของบริษัท | บริษัทอาจใช้บริษัทอื่น คู่ค้า ตัวแทนของบริษัท ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ หรือผู้ให้บริการภายนอกเพื่อประกอบธุรกิจแทนบริษัทหรือเพื่อช่วยสนับสนุนการให้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัทแก่ท่าน ด้วยเหตุนี้ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการของบริษัท ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง – ตัวแทนทางการเงิน – ผู้ให้บริการยืนยันตัวตนบนโลกดิจิทัล (National Digital ID) – ผู้ให้บริการระบบโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และผู้ให้บริการระบบฐานข้อมูลเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสถาบันการเงิน – ผู้ให้บริการประเมินราคาทรัพย์สิน – ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์และบริการนำส่งข้อความ (SMS) – ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยี – ผู้ให้บริการ Cloud Computing – ผู้ให้บริการเพื่อการทำการตลาด – ผู้ให้บริการคลังเก็บเอกสาร – ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ – ผู้ให้บริการช่องทางการรับชำระเงิน – ผู้ให้บริการติดตามทวงถามหนี้ – โรงพิมพ์หรือผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ – ผู้ผลิตบัตร – ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุ – ผู้ให้บริการสำหรับการให้บริการอำนวยความสะดวก (Concierge Services) |
พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ · – พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ทั้งที่ร่วมมือกันในการจัดหาผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ (เช่น บริษัทประกันวินาศภัย หรือบริษัทประกันชีวิต) – พันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกันในลักษณะ co – brand – บริษัทหรือสถาบันการเงินอื่น (เช่น Corresponding Bank) – พันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านการเงิน (FinTech) ทั้งนี้ กรณีเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดของพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น เพื่อการส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ หรือการเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการจากพันธมิตรทางธุรกิจให้แก่ท่าน บริษัทจะแจ้งรายชื่อพันธมิตรทางธุรกิจให้ท่านทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ความยินยอม โดยการนี้ พันธมิตรทางธุรกิจสามารถยึดถือตามความยินยอมที่บริษัทได้มา |
บุคคลตามที่กฎหมายกำหนด | ในบางกรณี บริษัทมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจหรือมีสิทธิตามกฎหมาย และ / หรือ การปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านรวมถึง – หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย – หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลบริษัท เช่น บริษัทแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยตามกฎหมายคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และกฎหมายประกันชีวิต โดยท่านสามารถศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ที่ https://www.oic.or.th) กรมสรรพากร กรมการปกครอง ศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ กรมบังคับคดี กรมที่ดิน กรมการขนส่งทางบก สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หน่วยงานที่ทำหน้าที่จดทะเบียนหลักประกัน เป็นต้น – หน่วยงานราชการ – สมาคม หน่วยงาน หรือบุคคลอื่นใดตามความจำเป็นในการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมาย หรือภาระหน้าที่ตามข้อบังคับ หรือเพื่อคุ้มครองสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลภายนอก ซึ่งอาจรวมถึงการดำเนินกระบวนการทางกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้อง |
ที่ปรึกษา / ผู้เชี่ยวชาญ | เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยัง – ผู้สอบบัญชี – ผู้ตรวจสอบภายนอก – ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย – ที่ปรึกษาด้านภาษี – บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ – ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ตามแต่กรณี |
ผู้สนใจจะเข้ารับโอนสิทธิ และ / หรือ ผู้รับโอนสิทธิในธุรกรรมหรือการควบรวมกิจการต่างๆ ของบริษัท | ในกรณีที่บริษัทมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ปรับโครงสร้างหนี้ การควบรวมกิจการ การได้มาซึ่งกิจการ การโอนสิทธิ การเลิกกิจการ หรือเหตุการณ์อื่นใดในลักษณะเดียวกันนั้น บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยัง – คู่ค้า ผู้สนใจ – บริษัทบริหารสินทรัพย์ และ / หรือ ผู้รับโอนสิทธิดังกล่าว |
บุคคลที่สามอื่นใด | บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สามอื่นใด เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ บุคคลที่สามอื่นใดที่รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง – บุคคลที่ท่านมีสัญญาหรือความสัมพันธ์ทางธุรกรรมร่วม (เช่น บุคคลอ้างอิง ผู้ค้ำประกัน ผู้จำนอง ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์) – บริษัทข้อมูลเครดิต – ผู้พัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน และ / หรือ ระบบงานของบริษัท – บริษัทหรือสถาบันการเงินอื่นๆ ที่ท่านมีธุรกรรมร่วม – สมาชิกของผู้ให้บริการยืนยันตัวตนบนโลกดิจิทัล (National Digital ID) – มหาวิทยาลัยหรือสถานศึกษา – ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ – สาธารณะหรือบุคคลทั่วไป |
5. บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศหรือไม่
บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจที่อยู่ต่างประเทศ หรือไปยังผู้รับข้อมูลอื่นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัท เช่น การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บไว้บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ การส่งหรือโอนข้อมูลธุรกรรมการระหว่างประเทศไปยังบริษัทที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศผ่านตัวกลางการจัดการระหว่างประเทศ คู่ค้าที่เป็น Private companyในต่างประเทศ บริษัทหรือสถาบันการเงินที่เป็น Corresponding company หรืออื่นๆ ในต่างประเทศ พันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งที่ร่วมมือกันในการจัดหาผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ และพันธมิตรทางธุรกิจที่ออกผลิตภัณฑ์ร่วมกันในลักษณะ co – brand ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ หน่วยงานภาครัฐในต่างประเทศ และ / หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของท่านในต่างประเทศ เป็นต้น
กรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ บริษัทจะดูแลให้มั่นใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะดำเนินการให้มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เห็นว่าจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานการรักษาความลับ เช่น มีข้อตกลงกับผู้รับข้อมูลในประเทศดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย หรือในกรณีที่ผู้รับข้อมูลเป็นบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจ บริษัทอาจเลือกใช้วิธีการดำเนินการให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน (Binding Corporate Rules) ที่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและจะดำเนินการให้การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจ ที่อยู่ต่างประเทศเป็นไปตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวก็ได้
6. การใช้งานคุกกี้ และ / หรือ เทคโนโลยีที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
บริษัทอาจเก็บรวบรวมและใช้งานคุกกี้ และ / หรือ เทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน เมื่อท่านมีการใช้งานเว็บไซต์ และ / หรือ แอปพลิเคชั่นของบริษัท รวมถึงการทำธุรกรรม การใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัทผ่านช่องทางดิจิทัลและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเก็บรวบรวมคุกกี้ และ / หรือ การใช้งานเทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จะช่วยให้บริษัทสามารถจดจำการใช้งานและความชื่นชอบของท่าน รวมถึงการวิเคราะห์ความสนใจของท่านเพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ และ / หรือ แอปพลิเคชั่นของบริษัท ให้ตอบสนองต่อความต้องการและการใช้งานของท่าน เพื่อให้ท่านได้รับได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานเว็บไซต์ และ / หรือ แอปพลิเคชั่นของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทอาจมีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนของท่านแก่ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น Google ทั้งในและต่างประเทศ โดย Google จะมีการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น คุกกี้ และ / หรือ Software Development Kit (SDK) ในการติดตามและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการใช้งานของท่านบนเว็บไซต์และ / หรือแอปพลิเคชั่นของบริษัททั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดการวิเคราะห์ข้อมูลของ Google ได้ที่หัวข้อ “How Google uses data when you use our partner’s sites or apps” ตามที่ Google กำหนด
7. บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้า หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น
- จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5 – 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี
- จัดเก็บไว้ตามกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน กฎหมายการบัญชี กฎหมายภาษีอากร 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการดำเนินการในขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
8. บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Safeguard) มาตรการเชิงบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน สภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด
บริษัทได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยและเหมาะสม การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายให้เข้าถึงข้อมูล และหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีมาตรการสำหรับการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการตรวจสอบเพื่อประเมินประสิทธิผลของการปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากบริษัทมีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่บริษัทกำหนดขึ้น
9. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง
สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและ / หรือมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
9.1 สิทธิขอถอนความยินยอม : หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยการถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้กระทำขึ้นก่อนการถอนความยินยอม
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านในส่วนที่เกี่ยวข้องและจำเป็นกับการขอรับบริการ อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาหรือให้บริการกับท่านได้ หรืออาจส่งผลให้ธุรกรรมหรือกิจกรรมอื่นใดที่เกี่ยวข้องถูกระงับ หรือหยุดลงชั่วคราว หรืออาจส่งผลกระทบต่อท่านในการรับทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการต่าง ๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับข้อเสนอผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการ สิทธิประโยชน์ โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ ๆ ไม่ได้รับผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการที่ถูกใจมากยิ่งขึ้นและสอดคล้องหรือตรงตามความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสาร คำแนะนำอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม
9.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
9.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ และ / หรือ บริการของบริษัท หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
9.4 สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย
9.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
9.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอใช้สิทธิคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
9.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
9.8 สิทธิร้องเรียน : ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย
ทั้งนี้ ท่านสามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
สิทธิ | ช่องทางการขอใช้สิทธิ | ระยะเวลาดำเนินการ | ||
website | Call Center | สำนักงานใหญ่ | ||
สิทธิขอถอนความยินยอม | ![]() | ![]() | ![]() | 7 วันทำการ |
สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล | – | – | ![]() | 30 วัน |
สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล | – | – | ![]() | |
สิทธิขอคัดค้าน | – | ![]() | ![]() | |
สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล | – | ![]() | ![]() | |
สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล | – | ![]() | ![]() | |
สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล | – | – | ![]() | ทันที |
10. บริษัทจะแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่
บริษัทอาจพิจารณาทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการประกาศนโยบายฉบับปัจจุบันให้ท่านทราบบนเว็บไซต์ของบริษัท ชูเกียรติมอเตอร์ (1996) จำกัด
11. ท่านจะติดต่อบริษัท และเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้อย่างไร
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ / หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัท ผ่านช่องทางสาขาของบริษัท หรือโทร. 074-262 220 ต่อ 105
นอกจากนี้ ท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางสาขาสำนักงานใหญ่
สถานที่ตั้ง : เลขที่ 108/2 หมู่ 3 ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รหัสไปรษณีย์ 90110
ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
คำขอใช้สิทธิเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล